บทนำ
ในศตวรรษที่
21
การเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์มิได้มุ่งเพียงให้ผู้เรียนจดจำเนื้อหาเท่านั้น
แต่ต้องพัฒนา ทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ การสืบเสาะหาความรู้
และการแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผล เพื่อสร้างพื้นฐานการคิดเชิงวิทยาศาสตร์ให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน
การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ (Inquiry-Based Learning) หรือที่นิยมในรูปแบบ
5E Model (Engage, Explore, Explain, Elaborate, Evaluate) จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
เพราะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้สังเกต ทดลอง ค้นคว้า
และอธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติด้วยตนเอง
ในหน่วยการเรียนรู้เรื่อง
แรงสัมผัสและแรงไม่สัมผัส ผู้เรียนมักมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน เช่น
เข้าใจว่าแรงมีเฉพาะเมื่อมีการสัมผัสเท่านั้น
หรือไม่สามารถอธิบายแรงแม่เหล็กและแรงโน้มถ่วงได้อย่างถูกต้อง
การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะจึงช่วยให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ทดลอง
และเชื่อมโยงประสบการณ์จริงกับความรู้ทางวิทยาศาสตร์
ส่งผลให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องและพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ
ประเด็นที่ 1 เป้าหมายการเรียนรู้ในกิจกรรมที่ทำ
1. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายของแรงสัมผัสและแรงไม่สัมผัส
รวมถึงสามารถยกตัวอย่างและอธิบายได้อย่างถูกต้อง
2. เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนมี ทักษะการคิดวิเคราะห์
ผ่านการสังเกต ทดลอง และตั้งสมมติฐานจากสถานการณ์จริง
3. เพื่อพัฒนาความสามารถในการสืบเสาะหาความรู้ด้วยตนเอง
และนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการอธิบายปรากฏการณ์รอบตัว
4. เพื่อปลูกฝังทัศนคติที่ดีต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ และเห็นความสัมพันธ์ระหว่างวิทยาศาสตร์กับชีวิตประจำวัน
ประเด็นที่ 2 ขั้นตอนในการทำกิจกรรม
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะ
(5E
Model)
ขั้นที่
1 กระตุ้นความสนใจ
(Engagement)
คุณครูสำรวจความรู้สึกก่อนเรียนของนักเรียน โดยใช้กิจกรรม “มาปั้นก้อนหิมะกันเถอะ”
คุณครูแจกกระดาษให้นักเรียนคนละ 1 แผ่น นักเรียนเขียนความรู้สึกของตนเองในการเรียนของชั่วโมงนี้ได้อย่างอิสระ แล้วนักเรียนปั้นกระดาษให้เป็นกลม ๆ คล้ายก้อนหิมะ แล้วปาก้อนหิมะของตนเองลงไปตรงกลางวงกลุ่ม แล้วให้นักเรียนหยิบก้อนหิมะที่ทุกคนได้ปาลงไปขึ้นมาคนละ 1 ก้อน แล้วแกะอ่านความรู้สึกที่อยู่ในแผ่นกระดาษที่ตนเองได้ ซึ่งเป็นกิจกรรมการสำรวจความรู้สึกของนักเรียนในขณะนั้นว่าเป็นอย่างไร และเพื่อเป็นการกระตุ้นความสนใจของนักเรียน
ขั้นที่
2 สำรวจและสืบค้น (Exploration)
คุณครูแจกบัตรคำที่เกี่ยวข้องกับแรงให้สมาชิกในแต่ละกลุ่ม แล้วสมาชิกในกลุ่มช่วยกันจำแนกประเภทของแรง ว่าบัตรคำไหนคือแรงสัมผัส และแรงไม่สัมผัส โดยนักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันออกแบบผลงานนำเสนอเป็นแผนภาพความคิด (Mind Map) ลงในกระดาษบรู๊ฟ พร้อมตกแต่งให้สวยงาม
ขั้นที่
3 อธิบายและสรุปความรู้ (Explanation)
นักเรียนนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน
นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานแผนภาพความคิดเรื่องแรงสัมผัส และแรงไม่สัมผัส หน้าชั้นเรียน
แล้วให้นักเรียนกลุ่มที่เหลือช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องของเพื่อนกลุ่มที่นำเสนอ ว่ามีความถูกต้องหรือไม่
ขั้นที่
4 ขยายความรู้ (Elaboration)
คุณครูสอบถามนักเรียนว่านักเรียนมีการประยุกต์ใช้ความรู้ในเรื่องแรงสัมผัส
แรงไม่สัมผัสอย่างไรบ้าง
นักเรียนออกแบบของเล่นที่อาศัยแรงแม่เหล็ก หรืออธิบายปรากฏการณ์ในชีวิตประจำวัน เช่น การหยิบของ การตกของวัตถุ การใช้แรงเสียดทานในการหยุดการเคลื่อนที่ เป็นต้น เพื่อให้ผู้เรียนเชื่อมโยงความรู้กับสถานการณ์ใหม่
ขั้นที่
5 ประเมินผลและสะท้อนคิด (Evaluation)
นักเรียนสะท้อนความเข้าใจสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้วันนี้ผ่านกิจกรรม “ต้นไม้มีชีวิต”
โดยคุณครูแจกกระดาษให้นักเรียนคนละ 1 แผ่น เพื่อบอกความรู้สึกถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้ในวันนี้ แล้วนำมาติดลงในต้นไม้หน้าชั้นเรียน
ประเด็นที่ 3
ผู้เรียนมีองค์ความรู้ หรือคุณลักษณะที่ดีขึ้นจากการเรียนชั่วโมงนี้อย่างไร
- นักเรียนมีความสุข สนุกสนานในการเรียน
- นักเรียนเกิดการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง
- นักเรียนมีความกระตือรือร้นสนใจในการเรียน
-
นักเรียนมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
-
นักเรียนกล่าวอธิบายวิธีคิดของตนเองและสรุปสิ่งที่เรียนรู้จากกิจกรรมได้ชัดเจนขึ้น
ประเด็นที่ 4
การสัมภาษณ์นักเรียน
คุณครูเลือกสุ่มนักเรียนจำนวน 2 - 3 คน จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในครั้งนี้ เพื่อเป็นการสะท้อนคิดของนักเรียน