การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ (5E) เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ เรื่องแรงสัมผัสและแรงไม่สัมผัส ผ่านกิจกรรม PILA

กัลยา เพ็ชรอ่อน
กัลยา เพ็ชรอ่อน
2,036 ผู้ชม

บทนำ

ในศตวรรษที่ 21 การเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์มิได้มุ่งเพียงให้ผู้เรียนจดจำเนื้อหาเท่านั้น แต่ต้องพัฒนา ทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ การสืบเสาะหาความรู้ และการแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผล เพื่อสร้างพื้นฐานการคิดเชิงวิทยาศาสตร์ให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ (Inquiry-Based Learning) หรือที่นิยมในรูปแบบ 5E Model (Engage, Explore, Explain, Elaborate, Evaluate) จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้สังเกต ทดลอง ค้นคว้า และอธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติด้วยตนเอง

ในหน่วยการเรียนรู้เรื่อง แรงสัมผัสและแรงไม่สัมผัส ผู้เรียนมักมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน เช่น เข้าใจว่าแรงมีเฉพาะเมื่อมีการสัมผัสเท่านั้น หรือไม่สามารถอธิบายแรงแม่เหล็กและแรงโน้มถ่วงได้อย่างถูกต้อง การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะจึงช่วยให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ทดลอง และเชื่อมโยงประสบการณ์จริงกับความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ส่งผลให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องและพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ


ประเด็นที่  1  เป้าหมายการเรียนรู้ในกิจกรรมที่ทำ

1.  เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายของแรงสัมผัสและแรงไม่สัมผัส รวมถึงสามารถยกตัวอย่างและอธิบายได้อย่างถูกต้อง

2.  เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนมี ทักษะการคิดวิเคราะห์ ผ่านการสังเกต ทดลอง และตั้งสมมติฐานจากสถานการณ์จริง

3.  เพื่อพัฒนาความสามารถในการสืบเสาะหาความรู้ด้วยตนเอง และนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการอธิบายปรากฏการณ์รอบตัว

4.  เพื่อปลูกฝังทัศนคติที่ดีต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ และเห็นความสัมพันธ์ระหว่างวิทยาศาสตร์กับชีวิตประจำวัน


ประเด็นที่  2  ขั้นตอนในการทำกิจกรรม

การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะ (5E Model)

ขั้นที่ 1  กระตุ้นความสนใจ (Engagement)

คุณครูสำรวจความรู้สึกก่อนเรียนของนักเรียน  โดยใช้กิจกรรม  มาปั้นก้อนหิมะกันเถอะ

        คุณครูแจกกระดาษให้นักเรียนคนละ  1  แผ่น  นักเรียนเขียนความรู้สึกของตนเองในการเรียนของชั่วโมงนี้ได้อย่างอิสระ  แล้วนักเรียนปั้นกระดาษให้เป็นกลม ๆ คล้ายก้อนหิมะ  แล้วปาก้อนหิมะของตนเองลงไปตรงกลางวงกลุ่ม  แล้วให้นักเรียนหยิบก้อนหิมะที่ทุกคนได้ปาลงไปขึ้นมาคนละ 1  ก้อน  แล้วแกะอ่านความรู้สึกที่อยู่ในแผ่นกระดาษที่ตนเองได้  ซึ่งเป็นกิจกรรมการสำรวจความรู้สึกของนักเรียนในขณะนั้นว่าเป็นอย่างไร  และเพื่อเป็นการกระตุ้นความสนใจของนักเรียน


ขั้นที่  2  สำรวจและสืบค้น (Exploration)

          คุณครูแจกบัตรคำที่เกี่ยวข้องกับแรงให้สมาชิกในแต่ละกลุ่ม  แล้วสมาชิกในกลุ่มช่วยกันจำแนกประเภทของแรง  ว่าบัตรคำไหนคือแรงสัมผัส  และแรงไม่สัมผัส  โดยนักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันออกแบบผลงานนำเสนอเป็นแผนภาพความคิด  (Mind Map)  ลงในกระดาษบรู๊ฟ  พร้อมตกแต่งให้สวยงาม


ขั้นที่  3  อธิบายและสรุปความรู้ (Explanation)

          นักเรียนนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน

          นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานแผนภาพความคิดเรื่องแรงสัมผัส  และแรงไม่สัมผัส  หน้าชั้นเรียน 

แล้วให้นักเรียนกลุ่มที่เหลือช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องของเพื่อนกลุ่มที่นำเสนอ  ว่ามีความถูกต้องหรือไม่


ขั้นที่  4  ขยายความรู้ (Elaboration)

คุณครูสอบถามนักเรียนว่านักเรียนมีการประยุกต์ใช้ความรู้ในเรื่องแรงสัมผัส แรงไม่สัมผัสอย่างไรบ้าง

นักเรียนออกแบบของเล่นที่อาศัยแรงแม่เหล็ก หรืออธิบายปรากฏการณ์ในชีวิตประจำวัน เช่น การหยิบของ     การตกของวัตถุ การใช้แรงเสียดทานในการหยุดการเคลื่อนที่ เป็นต้น เพื่อให้ผู้เรียนเชื่อมโยงความรู้กับสถานการณ์ใหม่


ขั้นที่  5  ประเมินผลและสะท้อนคิด (Evaluation)

นักเรียนสะท้อนความเข้าใจสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้วันนี้ผ่านกิจกรรม  “ต้นไม้มีชีวิต

โดยคุณครูแจกกระดาษให้นักเรียนคนละ  1  แผ่น เพื่อบอกความรู้สึกถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้ในวันนี้  แล้วนำมาติดลงในต้นไม้หน้าชั้นเรียน


ประเด็นที่  3  ผู้เรียนมีองค์ความรู้ หรือคุณลักษณะที่ดีขึ้นจากการเรียนชั่วโมงนี้อย่างไร

-  นักเรียนมีความสุข  สนุกสนานในการเรียน

-  นักเรียนเกิดการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง

-  นักเรียนมีความกระตือรือร้นสนใจในการเรียน

-  นักเรียนมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย

-  นักเรียนกล่าวอธิบายวิธีคิดของตนเองและสรุปสิ่งที่เรียนรู้จากกิจกรรมได้ชัดเจนขึ้น


ประเด็นที่  4  การสัมภาษณ์นักเรียน

          คุณครูเลือกสุ่มนักเรียนจำนวน  2 - 3  คน  จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในครั้งนี้  เพื่อเป็นการสะท้อนคิดของนักเรียน




ห้องเรียน PILA

บทความอื่นๆ